อัปเดตกฎหมายรถบรรทุก 2568 มีอะไรบ้าง ข้อบังคับและบทลงโทษ
กฎหมายรถบรรทุกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยบนท้องถนนและการขนส่งสินค้าในประเทศไทย การควบคุมดูแลให้รถบรรทุกปฏิบัติตามกฎระเบียบจะช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น เราได้รวบรวมข้อกฎหมายสำคัญสำหรับรถบรรทุกที่มีการปรับปรุงในปี 2568 เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่ได้รับทราบและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง ติดตามรายละเอียดได้ในบทความนี้
ประเภทของรถบรรทุกและน้ำหนักบรรทุกรวม
ตามกฎหมายการขนส่งทางบก มีการแบ่งประเภทรถบรรทุกตามลักษณะและขนาดของรถ โดยแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดเรื่องน้ำหนักบรรทุกที่แตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานและการรักษาสภาพถนน โดยแบ่งได้ดังนี้
- รถบรรทุก 2 เพลา 4 ล้อ บรรทุกน้ำหนักสูงสุด 9.50 ตัน
- รถบรรทุก 2 เพลา 6 ล้อ บรรทุกน้ำหนักสูงสุด 15 ตัน
- รถบรรทุก 2 เพลา 10 ล้อ บรรทุกน้ำหนักสูงสุด 25 ตัน
- รถบรรทุก 4 เพลา 12 ล้อ บรรทุกน้ำหนักสูงสุด 30 ตัน
- รถบรรทุก 4 เพลา 14 ล้อ บรรทุกน้ำหนักสูงสุด 35 ตัน
- รถพ่วง 5 เพลา 18 ล้อ บรรทุกน้ำหนักสูงสุด 45 ตัน
- รถพ่วง 5 เพลา 18 ล้อ บรรทุกน้ำหนัก 47 ตัน
เวลาห้ามวิ่งรถบรรทุก ที่กฎหมายกำหนด
กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดเวลาห้ามวิ่งรถบรรทุกในพื้นที่ต่างๆ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่จำเป็นต้องวางแผนการเดินรถให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเหล่านี้
ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถเวลา 06:00 09:00 น. และเวลา 16:00 20:00 น. เว้นวันหยุดราชการ
- รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถเวลา 06:00 -10:00 น. และ 15:00 21:00 น. เว้นวันหยุดราชการ
- รถบรรทุกถังขนก๊าซ,วัตถุไวไฟ ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป และรถพ่วง ห้ามเวลา 06:00 22:00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
- รถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง,เสาเข็ม ห้ามเวลา 06:00 21:00 น.
ข้อกำหนดการวิ่งบนทางด่วน
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถเวลา 06:00 09:00 น. และ 16:00 20:00 น.
- รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถเวลา 06:00 09:00 น. และ 15:00 21:00 น.
- รถบรรทุกสารเคมี ห้ามเดินรถเวลา 06:00 10:00 น. และ 15:00 22:00 น.
- ส่วนรถบรรทุกที่ไม่ติดเวลาต้องมีน้ำหนักรถไม่เกิน 2,200 กก. หรือ 2.2 ตัน จึงจะสามารถวิ่งในเขตกรุงเทพฯได้โดยไม่ติดเวลา ซึ่งจะมีเพียงรถบรรทุก 4 ล้อเท้านั้นที่จะน้ำหนักไม่เกิน 2,200 กก.
มาตรฐานความปลอดภัยของรถบรรทุก
นอกเหนือจากเรื่องเวลาการวิ่งแล้ว มาตรฐานความปลอดภัยของรถบรรทุกเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่ต้องให้ความใส่ใจ ทั้งในด้านสภาพรถ อุปกรณ์ความปลอดภัย และการบำรุงรักษา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง โดยต้องผ่านการตรวจสภาพรถตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
การควบคุมมลพิษของรถบรรทุก
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กำหนดให้รถบรรทุกใหม่ต้องผ่านมาตรฐาน EURO 5 และกำลังเตรียมปรับเป็น EURO 6 เพื่อลดมลพิษทางอากาศ
กรมการขนส่งทางบกกำหนดค่ามาตรฐานควันดำ โดยเป็นการร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีข้อบังคับสำหรับรถทุกประเภทดังนี้
- ระบบความทึบแสงไม่เกิน 30%
- ระบบกระดาษกรองไม่เกิน 40%
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2565 หากตรวจพบว่ามีค่าเกินมาตรฐาน จะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ ห้ามใช้ จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถนำรถเข้าตรวจวัดค่าควันดำเบื้องต้นได้ที่สำนักงานขนส่ง และสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ฟรี ทั่วประเทศ
การตรวจสภาพรถบรรทุกประจำปี
- ระบบเครื่องยนต์
- ระบบไอเสีย
- ระบส่งกำลัง
- ระบบบังคับเลี้ยว
- ระบห้ามล้อ
- ระบบรองรับน้ำหนัก
- ระบบไฟฟ้า ไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณ
- กงล้อและยาง
- ตัวถัง
- ระบบเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการบำรุงรักษาตามระยะเพื่อความพร้อมของตัวรถและความปลอดภัยบนท้องถนน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสูดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจส่งผลต่อการพิจารณาการต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่งต่อไปด้วย
ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS)
กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 รถโดยสาร รถลากจูง และรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปต้องติดตั้ง GPS หรือระบบ GPS Tracking เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการขับรถและการใช้ยานพาหนะกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมขนส่งฯ แบบเรียลไทม์ มาตรการนี้ช่วยในการติดตามพฤติกรรมการขับขี่ ควบคุมความเร็ว และตรวจสอบเส้นทางการเดินรถให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
บทลงโทษหากไม่ติดตั้งระบบ GPS
- ปรับผู้ประกอบการขนส่งไม่เกิน 50,000 บาท
- กรณีที่มีการปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูล GPS มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- หากตรวจพบว่ามีการปิดหรือทำให้ระบบ GPS ขัดข้องโดยเจตนา มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
- ในกรณีที่ระบบ GPS ขัดข้อง ผู้ประกอบการต้องแจ้งซ่อมและดำเนินการแก้ไขภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการมีโทษปรับวันละไม่เกิน 1,000 บาท จนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ
- หากพบการกระทำผิดซ้ำ กรมการขนส่งทางบกมีอำนาจในการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้
การปฏิบัติตามกฎหมายรถบรรทุกเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทั้งผู้ขับขี่และองค์กร การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ จะช่วยสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และหลีกเลี่ยงการถูกเปรียบเทียบปรับ ผู้ประกอบการควรศึกษาและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนท้องถนน
ขอบคุณข้อมูลจาก : อัปเดตกฎหมายรถบรรทุก 2568 มีอะไรบ้าง ข้อบังคับและบทลงโทษ
บทความอื่นๆ ความรู้ทั่วไป รถบรรทุก ที่น่าสนใจ
ไม่อยากถูกปรับหลายหมื่น อย่าลืมผ้าคลุมรถบรรทุก
ดอกยางรถบรรทุกมีกี่ประเภท ยางรถบรรทุกแบบไหนป้องกันอะไรบ้าง?
ขับรถบรรทุก ต้องเตรียมตัวอย่างไร